สายรัดพลาสติกแบบไหนเหมาะกับการรัดสินค้าน้ำหนักมาก?

เลือกสายรัดพลาสติกที่เหมาะสมกับสินค้าน้ำหนักมาก ทั้ง PP, PET และ Polyester

สายรัดพลาสติกแบบไหนเหมาะกับการรัดสินค้าน้ำหนักมาก?

การขนส่งสินค้าหนักเป็นความท้าทายที่ต้องใช้อุปกรณ์รัดที่แข็งแรงและเชื่อถือได้ การเลือก สายรัดพลาสติก ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยป้องกันความเสียหายของสินค้า แต่ยังลดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการขนส่ง หากเลือกผิดชนิดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือสูญเสียทางการเงินได้

บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับชนิดต่างๆ ของ สายรัดพลาสติก และวิธีเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าน้ำหนักมาก เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าของคุณจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัย

ชนิดของสายรัดพลาสติกสำหรับสินค้าหนัก

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene) เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับงานทั่วไป รองรับน้ำหนักได้ 100-300 กิโลกรัม มีความยืดหยุ่นพอควร ราคาประหยัด และทนทานต่อสภาพอากาศ เหมาะสำหรับการรัดกล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
  • สายรัดพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) มีความแข็งแรงมากกว่า PP สามารถรองรับน้ำหนักได้ 300-800 กิโลกรัม ความยืดหยุ่นต่ำ ให้การรัดแน่นมั่นคง ทนทานต่อแรงกระแทกและการสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับรัดเหล็ก ไม้ อิฐ และวัสดุก่อสร้าง
  • สายรัดพลาสติก Polyester เป็นระดับพรีเมียมสำหรับงานหนัก รองรับน้ำหนักได้มากกว่า 1,000 กิโลกรัม มีความยืดหยุ่นน้อยมาก การรัดแน่นสูงสุด ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมหนัก เครื่องจักร และวัสดุที่มีค่าสูง

ปัจจัยสำคัญในการเลือกสายรัดพลาสติก

  • น้ำหนักและขนาดของสินค้า หลักการพื้นฐานคือ สายรัดพลาสติก ต้องรองรับได้อย่างน้อย 150% ของน้ำหนักสินค้าจริง เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม สำหรับสินค้าที่หนักกว่า 500 กิโลกรัมควรใช้สายขนาด 15-19 มิลลิเมตร หรือใหญ่กว่า
  • รูปทรงและลักษณะพื้นผิว สินค้าที่มีขอบคม เป็นมุม หรือพื้นผิวขรุขระ ต้องใช้ สายรัดพลาสติก ที่หนากว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดจากการเสียดสี สำหรับสินค้าที่มีผิวเรียบเกลี้ยง อาจต้องใช้แผ่นรองหรือมุมป้องกันเพิ่มเติม
  • ระยะทางและวิธีการขนส่ง การขนส่งทางเรือหรือระยะทางไกลต้องใช้ สายรัดพลาสติก ที่ทนทานต่อความชื้นและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ การขนส่งทางรถบรรทุกที่มีการสั่นสะเทือนมากต้องเลือกสายที่มีความยืดหยุ่นเหมาะสม

วิธีคำนวณความต้านทานที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 1: กำหนดน้ำหนักรวม รวมน้ำหนักสินค้า บรรจุภัณฑ์ และความชื้นที่อาจเพิ่มขึ้นระหว่างการขนส่ง

ขั้นตอนที่ 2: คำนวณแรงดึง ใช้สูตรคำนวณแรงดึงขั้นต่ำ = น้ำหนักรวม × 1.5 × ค่าสัมประสิทธิ์ระยะทาง (ระยะใกล้ = 1.2, ระยะไกล = 1.5)

ขั้นตอนที่ 3: เลือกสายตามข้อกำหนด เปรียบเทียบค่าแรงดึงที่คำนวณได้กับข้อมูลจากผู้ผลิต สายรัดพลาสติก เลือกสายที่มีค่าแรงดึงสูงกว่าที่คำนวณได้อย่างน้อย 20%

เทคนิคการรัดสินค้าหนักอย่างมืออาชีพ

  • รูปแบบการรัด สำหรับสินค้าหนักควรใช้รูปแบบรัดแบบกากบาท (X-Pattern) หรือรัดรอบทั้งสี่ด้าน จำนวนเส้นสายต้องเพียงพอกับน้ำหนัก โดยทั่วไปใช้ 1 เส้นต่อน้ำหนัก 200-300 กิโลกรัม
  • แรงรัดที่เหมาะสม การรัดแน่นเกินไปอาจทำให้ สายรัดพลาสติก ขาดได้ง่าย ควรรัดให้ตึงพอประมาณ โดยสามารถสอดนิ้วเข้าใต้สายได้ 1-2 นิ้วหลังจากรัดแล้ว
  • จุดเชื่อมต่อ หลีกเลี่ยงการให้จุดเชื่อมอยู่ตรงขอบของสินค้า ควรอยู่ที่ตำแหน่งเรียบ ห่างจากขอบอย่างน้อย 5 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการเสียดสีที่อาจทำให้ขาด

อุปกรณ์เสริมสำหรับการรัดสินค้าหนัก

  • ตัวป้องกันขอบ (Edge Protector) ช่วยกระจายแรงจาก สายรัดพลาสติก ป้องกันการตัดเข้าตัวสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่บรรจุในกล่องกระดาษ ทำจากกระดาษแข็ง พลาสติก หรือโลหะ
  • แผ่นรองกันลื่น วางระหว่างสายรัดกับพื้นผิวสินค้าที่เรียบเกลี้ยง ช่วยเพิ่มแรงเสียดทานป้องกันการไถลของสาย ทำจากยางหรือพลาสติกมีลื่น
  • ตัวตึงสาย (Tensioner) อุปกรณ์ช่วยให้การรัด สายรัดพลาสติก มีแรงสม่ำเสมอ ลดการใช้แรงคน เพิ่มความแม่นยำ และลดเวลาในการทำงาน

ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ใช้สายไม่เหมาะสมกับน้ำหนัก การใช้ สายรัดพลาสติก ที่บางหรือแรงดึงต่ำเกินไปเป็นความเสี่ยงสูง ต้นทุนที่ประหยัดไปอาจกลายเป็นค่าเสียหายที่แพงกว่า
  • รัดในสภาพอากาศไม่เหมาะสม อุณหภูมิต่ำทำให้ สายรัดพลาสติก เปราะและแตกง่าย อุณหภูมิสูงทำให้ยืดและคลายตัว ควรหลีกเลี่ยงการรัดในสภาพอากาศรุนแรง
  • ไม่ตรวจสอบก่อนขนส่ง ต้องตรวจสอบความตึงของสาย จุดเชื่อม และสภาพโดยรวมก่อนการขนส่งทุกครั้ง โดยเฉพาะการขนส่งระยะไกล

การดูแลและการเก็บรักษา

  • การเก็บรักษา สายรัดพลาสติก ควรเก็บในที่แห้ง ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง อุณหภูมิ 15-35 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงการวางใกล้สารเคมีหรือน้ำมัน
  • การตรวจสอบคุณภาพ ตรวจสอบสีของสาย หากซีดจางหรือมีรอยแตกเป็นเส้น แสดงว่าเริ่มเสื่อมสภาพ ทดสอบความยืดหยุ่นเป็นครั้งคราว
  • อายุการใช้งาน สายรัดพลาสติก ที่เก็บอย่างถูกต้องมีอายุ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดและสภาพแวดล้อม สำหรับงานสำคัญควรใช้สายใหม่เสมอ

TNC Packing - ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันการรัดสินค้า

เมื่อต้องรัดสินค้าน้ำหนักมาก การเลือก สายรัดพลาสติก ไม่ใช่เรื่องที่ควรเสี่ยง บริษัท ทีเอ็นซี แพ็คกิ้ง จำกัด ด้วยประสบการณ์ยาวนานในวงการ เราเข้าใจความท้าทายและความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม

ทีมวิศวกรของเราพร้อมวิเคราะห์ความต้องการเฉพาะของคุณ คำนวณค่าแรงดึงที่จำเป็น และแนะนำ สายรัดพลาสติก ที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็น PP, PET หรือ Polyester รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น

เรามีสต็อกสินค้าครบพร้อมส่ง บริการหลังการขายที่ครอบคลุม รับประกันความพึงพอใจ


 

สนใจ รัดสายพลาสติก

ติดต่อ บริษัท ทีเอ็นซี แพ็คกิ้ง จำกัด

08-9445-4013063-892-2898

หรือเพิ่มเพื่อน Line อัตโนมัติ คลิกเลย